เกาหลีประสบความสำเร็จการเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น มีความสามารถในการแข่งขันระดับโลกในด้านต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, เซมิคอนดักเตอร์, รถยนต์, เคมีภัณฑ์ และเหล็กกล้า และเมื่อไม่นานมานี้ เนื้อหาทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรี เกม และเว็บตูน กำลังเกิดขึ้นในฐานะอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเกาหลี
รัฐธรรมนูญของเกาหลีได้บัญญัติไว้ว่า "สิทธิ์ในทรัพย์สินของพลเมืองทุกคนได้รับการค้ำประกัน" นั่นคือเกาหลีได้ตั้งอยู่บนระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ดังนั้นจึงช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างอิสระ และรับประกันผลกำไรและทรัพย์สินของพวกเขา
อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้รับประกันการแสวงหาเศรษฐกิจทุนนิยมที่มีเสรีภาพไร้ขีดจำกัด รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรมย่อมได้รับการแก้ไขหากพบว่ามีการใช้เงินทุนในทางที่ผิดอันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีให้ดีขึ้น
เศรษฐกิจของเกาหลีใต้เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด นักสังเกตการณ์เรียกความสำเร็จของประเทศแห่งนี้ว่า ”ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัน” เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมของประเทศได้ถูกทำลายลงเกือบหมดในสมัยสงครามเกาหลีที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1953 เป็นเวลานาน 3 ปี ทำให้ประเทศขาดแคลนเงินทุนและ ทรัพยากรทางธรรมชาติ
5 สินค้าส่งออกชั้นนำและยอดส่งออกของเกาหลีใต้
(หน่วย: 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยใช้หน่วย 3 MTI / สมาคมการค้าระหว่างประเทศแห่งเกาหลี ปี 2019)
ในต้นทศวรรษ 1960 เกาหลีใต้ได้ดำเนินแผนการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยพึ่งพาการส่งออก ในช่วงแรกสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศเป็นสินค้าอุตสาหกรรมเบาซึ่งผลิตในโรงงานขนาดเล็ก หรือสินค้าวัตถุดิบ ในทศวรรษที่ 1970 เกาหลีใต้ได้ลงทุนในโรงงานเคมีขนาดใหญ่และสร้างรากฐานในการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหนัก ในปัจจุบันเกาหลีใต้ลงทุนกับโรงงานเคมีหนักและวางพื้นฐานสำหรับการส่งออกผลิภัณฑ์อุตสาหกรรมหนัก ขณะนี้ได้เป็นผู้นำในภาคเซมิคอนดักเตอร์และการแสดงผล
เกาหลีใต้ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1988 ณ กรุงโซล ซึ่งได้ช่วยผลักดันให้เกาหลีใต้ได้กลายเป็นประเทศกึ่งก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สื่อมวลชนนานาชาติขนานนามเกาหลีใต้ว่าเป็นหนึ่งใน 4 เสือแห่งเอเชีย โดยอีก 3 ประเทศที่ว่าคือ ไต้หวัน, สิงคโปร์ และฮ่องกง เมื่อเดือนธันวาคมปี 1996 เกาหลีใต้ได้กลายเป็นประเทศอันดับที่ 29 ที่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาติมหาอำนาจ
ในปี 1960 มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้อยู่ที่ 32.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้เพิ่มขึ้นถึงระดับหมื่นล้านในปี 1977 และพุ่งขึ้นถึง 542.2 พันล้านในปี 2019 รายได้ต่อหัวประชากร (GNI per capita) ของเกาหลีใต้จากที่เคยอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐในปี 1953 ในปีมีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้น ได้ปรับตัวขึ้นเป็น 32,115 เหรียญสหรัฐในปี 2019
สาธารณรัฐเกาหลีได้ค่อยๆ จัดทำโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สนับสนุนการส่งออกอย่างต่อเนื่องโดยเน้นไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่กำลังเติบโต แต่เนื่องจากประเทศขาดแคลนเงินทุนและทรัพยากร กลุ่มบริษัทจึงได้เข้ามามีอิทธิพลในวงการอุตสาหกรรม ในขณะที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการส่งออกและนำเข้าเป็นอย่างมาก ทำให้มีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย
ในเดือนพฤศจิกายนปี 1997 วิกฤตเงินตราต่างประเทศส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศ ทำให้เกาหลีใต้ต้องหันไปพึ่งเงินกู้จาก IMF เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอุปสรรคอย่างแรกที่ประเทศต้องเผชิญหลังจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาหลายปี เกาหลีใต้จึงใช้ โอกาสนี้ในการกำจัดธุรกิจที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ออกจากตลาด แล้วสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างทางอุตสาหกรรม ภายในเวลาเพียง 2 ปี เกาหลีใต้ก็ได้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมด้วยอัตราการเติบโตและระดับราคา เช่นเดียวกับยอดดุลบัญชีเดินสะพัด ในช่วงนั้นชาวเกาหลีใต้ประมาณ 3.5 ล้านคน เข้าร่วมโครงการสะสมทองคำ เพื่อช่วยรัฐบาลใช้หนี้ IMF และมียอดสะสมทองคำรวมมากถึง 227 ตัน ทั่วโลกต่างประหลาดใจกับการที่ชาวเกาหลีต่างสมัครใจเข้าร่วมโครงการเพื่อช่วยชดใช้หนี้สินของชาติ
ท่ามกลางความพยายามร่วมกันในการต่อสู้ให้หลุดพ้นจากวิกฤตการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เกาหลีใต้ได้ประโยชน์จากการเกื้อกูลกัน เช่น การปรับใช้ระบบทางเศรษฐกิจและการคลังระดับโลก แต่กระบวนการปรับโครงสร้างก็มีข้อเสียเช่นกัน ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้นและความไม่สมดุลของรายได้มีเพิ่มมากขึ้น
หลังจากผ่านวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่เป็นตัวเงินเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า จาก 504.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2001 เป็น 1,646.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 ซึ่งเป็นอันดับที่ 12 ของโลกอันที่จริงในช่วงปี 2008-2010 ที่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกต่างเผชิญหน้ากับวิกฤตทางการเงินซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เกาหลีใต้กลับมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 6.3% สื่อมวลชนที่สำคัญของโลกต่างกล่าวถึงความสำเร็จของเกาหลีใต้ว่าเป็น "การฟื้นตัวตามตำรา"
ในปี 2010 เกาหลีใต้ได้ผงาดขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกมากที่สุด เป็นอันดับที่ 7 ของโลก ช่วงระหว่างปี 2011-2014 ปริมาณรวมการส่งออกและนำเข้าของประเทศมีมูลค่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่องทั้ง 4 ปีติดต่อกัน ปริมาณการค้าหดตัวในปี 2015-2016 แต่กลับพุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งในปี 2017
ทุนสำรองระหว่างประเทศของเกาหลีใต้อยู่ที่ 408.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 โดยมีอัตราร้อยละของหนี้ต่างประเทศระยะสั้นอยู่ที่ 32.9% ในปี 2019 ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางของกลุ่มประเทศ G20 อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศอยู่ในระดับที่มั่นคง